1/12/2560

ประหารหรือไหม!! คดีฆ่าบัณฑิตหนุ่มชิงไอโฟนอัยการชี้แบบนี้... ม.339 วรรคสุดท้าย คือประหารชีวิต

Posted by   on



ภายหลังส่งสำนวนการสอบสวนเสร็จสิ้น นายเจษฎา อรุณชัยภิรมย์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 เปิดเผยว่า คดีนี้พนักงานสอบสวน สน.โคกคราม แจ้งข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายซึ่งอัตราโทษ มาตรา 339 วรรคสุดท้าย คือประหารชีวิตอยู่แล้ว พร้อมทั้งแจ้งข้อหาพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะ และฆ่าเพื่อปกปิดการกระทำความผิด ดังนั้นโทษในคดีนี้คือการประหารชีวิต ส่วนประเด็นที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ หากถึงชั้นศาลจะทำให้มีการลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตหรือไม่นั้น ก็อาจเป็นไปได้ เพราะการรับสารภาพเป็นเหตุให้ลดโทษได้ ยกเว้นสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน ซึ่งคดีนี้ตนกำลังพิจารณาอยู่ว่า ผู้ต้องหารับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานหรือไม่ แต่จากที่พนักงานสอบสวนสรุปข้อเท็จจริงให้ฟังลักษณะเป็นการจำนนต่อหลักฐาน ตนก็จะบรรยายฟ้องไปด้วย



เมื่อถามว่า สำนวนมีความสมบูรณ์มากน้อยแค่ไหน นายเจษฎา กล่าวว่า จากที่พนักงานสอบสวนสรุปให้ฟัง พยานหลักฐานมีความสมบูรณ์ประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติม เนื่องจากอัยการเพิ่งรับเอกสารในวันนี้ ซึ่งจะพยายามพิจารณาโดยเร็วที่สุด เพราะเป็นคดีที่ประชาชนสนใจ แต่ก็ไม่รู้สึกหนักใจ เพราะจะตั้งคณะทำงานอัยการขึ้นมาพิจารณาและคาดว่าจะยื่นฟ้องได้ไม่เกินวันที่ 17-18 ม.ค. นี้
ด้าน พ.ต.อ.ศราวุธ กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นที่ซอยสุคนธสวัสดิ์ 27 เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งสำนวนคดีทั้งหมดเป็นของสน.โคกคราม 3 คดี และสน.โชคชัย 1 คดี โดยวันนี้เราส่งให้อัยการเฉพาะสำนวนคดีชิงทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายซึ่งเป็นสำนวนหลัก ซึ่งเราได้รวบรวมพยานหลักฐานอย่างรัดกุม ส่วนที่เหลืออีก 2 คดี เป็นคดีพยายามวิ่งราวทรัพย์ ซึ่งต้องนำมาส่งให้อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 เช่นกัน และคดีวิ่งราวทรัพย์จะส่งให้อัยการจังหวัดมีนบุรี ส่วนที่สน.โชคชัยเป็นคดีชิงทรัพย์
“เราส่งสำนวนคดีให้อัยการได้รวดเร็ว เพราะคดีนี้เป็นที่สนใจของประชาชน ซึ่งคนร้ายใช้อาวุธมีดจ้วงแทงเจ้าของทรัพย์หลายครั้งอย่างโหดเหี้ยม จนถึงแก่ชีวิตในที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นคนร้ายก็ยังไม่มีความสำนึกผิดหรือเกรงกลัวต่อกฎหมาย ยังไปก่อเหตุชิงทรัพย์และวิ่งราวทรัพย์ผู้เสียหายที่เป็นผู้หญิงต่ออีก จากประวัติของคนร้ายก็เพิ่งพ้นโทษมาจากเรือนจำเมื่อ 14 ธันวาคม 2559 ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่โหดเหี้ยมเป็นภัยต่อสังคม เป็นที่สะเทือนใจของประชาชน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ตำรวจต้องรวบรวมหลักฐานให้รัดกุม เพื่อนำตัวผู้ต้องหาฟ้องศาลและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็วที่สุด” พ.ต.อ.ศราวุธ กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:
Write ความคิดเห็น
Join Our Newsletter